ข้อ
ความ
โรค
อาการ
การ
ไม่
ต้อง
อนึ่ง
ยา
เพื่อป้องกันอันตรายจากยาและอุบัติเหตุต้องจัดยาที่ใช้ภายใน (ยารับประทาน) และยาใช้ภายนอก ยาห้ามรับประทาน) แยกจากกันให้เห็นชัดและต้องปิดฉลากให้เรียบร้อยยาใช้ภายนอกใช้ฉลากสีแดงและเขียนว่าห้ามรับประทานด้วยเก็บยาไว้ในตู้ล็อกกุญแจให้เรียบร้อยป้องกันเด็กหยิบยากินเพราะยาบางชนิดมีสีสันชวนกินในตู้ยาไม่ควรเก็บยาอย่างอื่น เช่น ยาฆ่าแมลง เป็นต้น
ใช้ยาเมื่อจำเป็นจริง ๆ และใช้ยาเท่าที่จำเป็นโดยใช้ยาน้อยขนานที่สุดเพื่อป้องกันมิให้เกิดการตีกันของยาไม่ใช้ยาพร่ำเพรื่อเพราะยามีทั้งคุณและโทษดังที่กล่าวมาแล้ว
การใช้ยาควรเริ่มด้วยวิธีง่ายและปลอดภัยก่อน คือ ใช้ยาทา ยาทาถูนวด ยาดม ยาอม ยารม ยาหยอด ฯลฯ ทั้งนี้แล้วแต่ความเหมาะสมถ้าไม่หายจึงใช้ยากินส่วนการฉีดยาการเข้าน้ำเกลือ หรือการให้เลือดนั้นอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ แล้วแพทย์จะไม่ให้ยาด้วยวิธีดังกล่าว
เมื่อใช้ยาแล้วเกิดอาการผิดปกติหรือแพ้ยาต้องหาทางให้ทราบว่าอาการนั้น ๆ เกิดจากยาอะไรแล้วจดจำไว้และเขียนใส่บัตรติดตัวไว้เพื่อแจ้งให้แพทย์ทราบต่อไปถ้าเปลี่ยนแพทย์ใหม่
ไม่ควรรักษาตนเองโดยไปซื้อยาตามคำแนะนำของเพื่อนฝูงญาติพี่น้องหรือแม้แต่คนขายยาเพราะให้โทษมากกว่าให้คุณ
การเก็บยาที่เคยใช้ได้ผลในคราวก่อนไว้ใช้ในการป่วยครั้งต่อไปย่อมเป็นการเสี่ยงภัยเพราะการป่วยครั้งหลังอาจมีสาเหตุต่างจากการป่วยครั้งก่อนก็ได้
ยาลดไข้ ยาแก้ปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาแก้ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อและปวดกระดูกมักระคายกระเพาะอาหารบางชนิดก็บีบหัวใจด้วยจึงต้องกินยาพวกนี้หลังอาหารไม่กินตอนท้องว่างหรือเวลาหิว
อนึ่งผู้ที่เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารควรระวังเรื่องนี้ให้มากถ้าสงสัยควรปรึกษาแพทย์
ยาลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบ เช่น ยา พวกอะโทรปีนหรือยาคล้ายกันอาจทำให้เกิดอาการปากคอแห้ง ตัวร้อน หัวใจเต้นเร็ว ท้องผูกปกติอาการดังกล่าวมีไม่รุนแรงถ้าเป็นมากต้องหยุดยาและปรึกษาแพทย์
ยาแก้อาการแพ้มักทำให้ผู้ใช้ง่วงซึมซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่ยวดยานผู้ทำงานในที่สูงหรืออยู่ใกล้ไฟใกล้เครื่องจักรได้ผู้ใช้ยานี้ไม่ควรใช้ยากดระบบประสาทกลางร่วมด้วย เช่น ยาระงับประสาทและยานอนหลับ
เป็นที่น่าสังเกตว่าผลเสียของยาอาจเหมือนกับอาการของโรคที่ยานั้น ๆ ใช้รักษา เช่น ยาแก้อาการแพ้อาจทำให้เกิดการแพ้เสียเองยาระงับอาการชักอาจทำให้เกิดอาการชักยารักษาโรคหัวใจล้มเลือดคั่งอาจทำให้เกิดหัวใจล้ม ยารักษาโรคหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอาจทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะได้
ระหว่างการใช้ยาควรงดดื่มสุราเพราะทำให้ยาถูกขับออกทางปัสสาวะมากขึ้นและอาจเกิดปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ (ยาตีกัน) ด้วย
การสูบบุหรี่ก็อาจทำให้เกิดผลเสียจากการใช้ยาได้เพราะบุหรี่มีนิโคตินและสารพิษอื่น ๆ ทำให้เยื่อเมือกในปากและเซลล์ขนของหลอดลมเสียหน้าที่มีการทำลายวิตามินซีมากกว่าปกติหลอดเลือดแดงตีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ขา ลำไส้และหัวใจ บุหรี่แสลงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน โรคความดันโลหิตสูง โรคหอบหืด โรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคปอดและโรคหลอดลมอักเสบการงดสูบบุหรี่จะทำให้เจริญอาหารและมีความต้านทานโรคเพิ่มขึ้น
การใช้ยาระบายหรือยาถ่ายเป็นประจำจะทำให้ขาดเกลือแร่บางอย่างรวมทั้งวิตามิน เช่น การใช้พาราฟินเหลวเป็นยาระบายติดต่อกันเป็นเวลานานร่างกายจะขาดวิตามินที่ละลายในไขมันและเมื่องดยานี้ผู้นั้นจะกลับมีอาการท้องผูกอีก
ยาบางขนานเมื่อถูกขับออกจากร่างกายแล้วจะ ทำให้ผู้ใช้สังเกตได้ เช่น ยาเพนิซิลลินและยาคล้ายกันถูกขับถ่ายทางปัสสาวะทำให้เกิดกลิ่นจำเพาะวิตามินบีรวมทำให้ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้มยาเข้าเหล็กทำให้อุจจาระสีดำคล้ายยางมะตอยยาระงับเชื้อในทางเดินปัสสาวะบางชนิด ทำให้ปัสสาวะมีสีแดง (ไพริเดียม) แต่บางขนานทำให้ปัสสาวะมีสีน้ำเงิน (เมธีลีนบลู) ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ถ้าแพทย์มิได้แจ้งแก่ผู้ป่วยเป็นการล่วงหน้าอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดความตกใจได้ ดังนั้นถ้าประสบเหตุการณ์ดังกล่าวผู้ป่วยไม่ควรตกใจแต่ควรไปสอบถามแพทย์ผู้รักษาเพื่อขอคำแนะนำจึงจะเป็นการถูกต้อง
ยาปฏิชีวนะบางชนิดไม่ควรใช้ในหญิงมีครรภ์ ในหญิงกำลังให้นมบุตร ทารกและเด็กเล็ก เช่น ยา เตตระไซคลิน เพราะจะทำให้กระดูกและฟันเจริญเติบโตไม่ดีเท่าที่ควร ฟันจะดำและเสียง่ายกว่าปกติ
ยาเตตระไซคลิน ไม่ควรกินพร้อมกับยาที่มีแคลเซียมหรือน้ำนม เพราะเตตระไซคลินจับกับแคลเซียมแล้วถูกดูดซึมไม่ได้ดี
เครื่องดื่มที่บรรจุขวดจำหน่ายในท้องตลาดมีความเป็นกรด (ค่า PH เท่ากับ ๒.๔-๓.๕) จึงไม่ควรกินพร้อมกับยาที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น ฟีโนบาร์บิทัล (ยา นอนหลับ) ฟินิลบิวทาโซน (ยาแก้ปวดข้อ ลดการ อักเสบ) ฯลฯ หรือไม่ควรดื่มเวลาท้องว่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีโรคกระเพาะอยู่ด้วยเพราะจะทำให้เกิดการ ระคายกระเพาะและรู้สึกไม่สบายในท้อง